โกสน
ชื่อวิทยาศาสตร์: Codiaeum variegatium (L.) Blume
ชื่อสามัญ: Croton, Variegated Laurel, Garden Croton
ชื่อสามัญ: Croton, Variegated Laurel, Garden Croton
ชื่ออื่น: กรีกะสม กรีสาเก โกรต๋น (ทั่วไป)
วงศ์: EUPHORBIACEAE
วงศ์: EUPHORBIACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์: ไม้พุ่ม สูง 2-3 ม.
ใบ ใบเรียงเวียนสลับ ใบเดี่ยว รูปใบมีหลายแบบ เช่นกลม แถบยาว รูปไข่แกมรูปหอก ความกว้างยาวของใบไม่สามารถกำหนดได้ เนื่องจากมีความผันแปรมาก โคนใบแหลม ปลายใบแหลม บางครั้งมีเส้นกลางใบยื่นแล้วมีรยางค์แผ่เป็นใบเล็กๆ อีก 2 ใบ ขอบใบเรียบหรือเว้า บางต้นเว้าถึงเส้นกลางใบ แผ่นใบอาจบิดเป็นเกลียว มีสีต่างๆ เช่น ขาว เหลือง ส้ม ชมพู แดง ม่วงและดำ
ดอก ดอกช่อออกที่ปลายกิ่ง ดอกแยกเพศ ช่อดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่บนต้นเดียวกัน ช่อดอกเพศผู้มีดอกกลม เล็ก ดอกย่อยมี 30-60 ดอก กลีบดอก 5-6 กลีบ เกสรเพศผู้จำนวนมาก ช่อดอกเพศเมียตั้งขึ้น มี 10-20 ดอก ไม่มีกลีบดอก เกสรเพศเมียแยกเป็น 3 แฉก
ใบ ใบเรียงเวียนสลับ ใบเดี่ยว รูปใบมีหลายแบบ เช่นกลม แถบยาว รูปไข่แกมรูปหอก ความกว้างยาวของใบไม่สามารถกำหนดได้ เนื่องจากมีความผันแปรมาก โคนใบแหลม ปลายใบแหลม บางครั้งมีเส้นกลางใบยื่นแล้วมีรยางค์แผ่เป็นใบเล็กๆ อีก 2 ใบ ขอบใบเรียบหรือเว้า บางต้นเว้าถึงเส้นกลางใบ แผ่นใบอาจบิดเป็นเกลียว มีสีต่างๆ เช่น ขาว เหลือง ส้ม ชมพู แดง ม่วงและดำ
ดอก ดอกช่อออกที่ปลายกิ่ง ดอกแยกเพศ ช่อดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่บนต้นเดียวกัน ช่อดอกเพศผู้มีดอกกลม เล็ก ดอกย่อยมี 30-60 ดอก กลีบดอก 5-6 กลีบ เกสรเพศผู้จำนวนมาก ช่อดอกเพศเมียตั้งขึ้น มี 10-20 ดอก ไม่มีกลีบดอก เกสรเพศเมียแยกเป็น 3 แฉก
ผล ผลกลม มี 3 พู เมื่อแก่แตกได้ มี 3 เมล็ด
แต่ละช่องมี 1 เมล็ด
การเป็นมงคล
คนไทยโบราณเชื่อว่า
บ้านใดปลูกต้นโกสนไว้ประจำบ้าน จะทำให้มีบุญบารมี เพราะโกสนโบราณคงกล่าวถึง กุศล
คือ การส้างบุญ
คุณงามความดีนอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่าสามารถช่วยคุ้มครองให้มีความอยู่เย็นเป็นสุขเพราะคนโบราณเชื่อว่าต้นโกสนเป็นต้น
ไม้เก่าแก่ที่ปลูกคู่บ้านคู่มืองโดยสมัยรัชกาลที่5 ทรงนำเข้ามาปลูกไว้ในพระราชวังบ้านขุนนางวัดหลวงเพื่อให้เกิดความร่วมเย็นเป็น
สุขตลอดมา
ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย
ควรปลูกต้นโกสนไว้ทางทิศตะวันออก ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคาร
เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทั่วไปทางใบให้ปลูกในวันอังคาร
การปลูก
การปลูกแบ่งเป็น 2 วิธี
1. การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับภายนอกอาคารบ้านเรือน
ใช้กระถางทรงสูง ขนาด 10-16 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก :
ขุยมะพร้าว : ดินร่วน อัตรา 1 : 1 : 1 ผสมดินปลูก ควรเปลี่ยนกระถาง 1-2 ปี / ครั้ง
เพราะการเจริญเติบโตของทรงพุ่มโตขึ้น
และเมื่อต้องการเปลี่ยน
ดินปลูกใหม่ทดแทนดินปลูปเดิมที่เสื่อสภาพไป
2. การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน
โบราณนิยมปลูกบริเวณหน้าบ้าน
หรือทำเป็นแนวรั้วบ้านเพื่อที่จะสร้างจุดเด่นให้กับบ้าน
ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก
:
ดินร่วน อัตรา 1 : 2 ผสมดินปลูก
แสง ต้องการแสงแดดอ่อน รำไร จนถึงแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง
น้ำ ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง
ดิน ดินร่วนซุย ดิน
ปุ๋ย ควรใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/ต้น ใส่ ปีละ 5-6 ครั้ง
การขยายพันธ์ การปักชำ การตอน
วิธีที่นิยมและได้ผลดี การปักชำ และการตอน
น้ำ ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง
ดิน ดินร่วนซุย ดิน
ปุ๋ย ควรใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/ต้น ใส่ ปีละ 5-6 ครั้ง
การขยายพันธ์ การปักชำ การตอน
วิธีที่นิยมและได้ผลดี การปักชำ และการตอน
โรค ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรค
เพราะเป็นไม้ที่มีความทนทานต่อโรคได้ดี
แมลง เพลี้ยแป้ง (Mealy bugs)
อาการ มีกลุ่มเพลี้ยแป้งสีขาวจำนวนมาก เกาะอยู่บริเวณโคนใบ ทำให้ใบเหลืองและเหี่ยวแห้ง
การป้องกัน กำจัดแมลงพาหะพวกมดต่าง ๆ โดยใช้ยาเช่นเดียวกับการกำจัด หรือรักษาความสะอาดบริเวณแปลงปลูก
การกำจัด ใช้ยาไดอาซินอน อัตราและคำแนะนำระบุไว้ตามฉล
แมลง เพลี้ยแป้ง (Mealy bugs)
อาการ มีกลุ่มเพลี้ยแป้งสีขาวจำนวนมาก เกาะอยู่บริเวณโคนใบ ทำให้ใบเหลืองและเหี่ยวแห้ง
การป้องกัน กำจัดแมลงพาหะพวกมดต่าง ๆ โดยใช้ยาเช่นเดียวกับการกำจัด หรือรักษาความสะอาดบริเวณแปลงปลูก
การกำจัด ใช้ยาไดอาซินอน อัตราและคำแนะนำระบุไว้ตามฉล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น